ไฟเวที (Stage Lighting) | เช่นเดียวกับเสียง ที่ประกอบไปด้วยคลื่นความถี่ที่เราสามารถรับรู้ได้ด้วยหู ในขณะที่แสงไฟ “Light” ก็เป็นเพียงความยาวคลื่นความถี่สูง ที่เราสามารถตีความ และรับรู้ได้ด้วยตา โดยแสงที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้นับเป็นส่วนหนึ่งของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่อยู่ในช่วงความยาวคลื่น 400 ถึง 700 นาโนเมตร เรียกว่า “แสงที่ตามองเห็น” (Visible Light)ไฟเวที เราจะเห็นได้ว่าในวงการเสียง งานคอนเสิร์ตต่าง ๆ นอกจากระบบเครื่องเสียงที่ดีแล้ว ระบบแสง ไฟ และสีที่ดีนั้น ก็เป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เช่นกัน ไฟบนเวที หรือ Stage Lighting นั้นไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่เพิ่มความสว่างบนเวทีอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนทำหน้าที่สร้างสรรค์ เพื่อสื่ออารมณ์ให้กับการแสดงในเชิงศิลปะได้อีกด้วย ดังนั้นในบทความนี้.. เรามาว่ากันด้วยเรื่อง สิ่งที่ควรรู้ !! เกี่ยวกับ “ไฟเวที” (Stage Lighting) เพื่อความเข้าใจจุดประสงค์ในอุปกรณ์แสง และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการแสดงบนเวทีกันครับ
จุดประสงค์ของการจัดไฟเวที ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงวัตถุประสงค์เดียวเท่านั้น โดยหลัก ๆ แล้ว จุดประสงค์ของไฟเวทีมีดังต่อไปนี้ครับ
ส่องสว่างบนเวที
วัตถุประสงค์พื้นฐานที่สุดสำหรับการจัด Lighting นั่นก็คือ การให้แสงสว่างแก่นักแสดง ฉาก และอุปกรณ์ประกอบฉาก เพื่อให้ผู้ชมสามารถมองเห็นทุกสิ่ง ที่พวกเขาต้องการเห็นบนเวทีได้อย่างชัดเจน หากแสงสว่างไม่เพียงพออาจทำให้ประสิทธิภาพ และคุณภาพของโปรดักชั่นนั้นถูกลดทอนลงได้ นอกจากนี้.. แสงและสี ก็มีความสำคัญต่อผู้ที่ทำการแสดงบนเวทีในด้านความปลอดภัยด้วยเช่นกัน เพื่อลดโอกาสที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนเวทีได้ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง นักเต้น และนักดนตรีเองก็ตาม
เน้นพื้นที่ต่าง ๆ
การจัดไฟ Lighting ยังช่วยกำหนดทิศทางให้กับผู้ชมได้ว่า ควรโฟกัสไปที่ตำแหน่งใดบนเวที ยกตัวอย่าง เช่น ในกรณีที่มือกีตาร์กำลังทำการโซโล่อยู่ที่หน้าเวที หรือในเวลาที่พิธีกรกำลังขึ้นบรรยาย พื้นที่ส่วนใหญ่บนเวทีอาจมีความมืด โดยมีไฟสปอตไลท์เพียงไม่กี่ดวงที่โฟกัสไปยังตำแหน่งนั้น เพื่อชี้นำความสนใจของผู้ชมไปยังพื้นที่เฉพาะของผู้ที่อยู่เบื้องหน้าเวที
การสร้างบรรยากาศ
การจัดไฟ Lighting ยังช่วยให้คุณสร้างภาพลักษณ์ที่พึงประสงค์ให้กับบรรยากาศได้อีกด้วย ยกตัวอย่าง เช่น การสร้างภาพลวงตาด้วยแสง การใช้แสงที่เคลื่อนไหวเพื่อทำให้ดูเหมือนพระอาทิตย์กำลังขึ้น หรือทำให้เวทีมืดไปเมื่อถึงฉากที่นักแสดงกดสวิตช์ไฟ เป็นต้น
สื่ออารมณ์ให้การแสดง
ที่สำคัญ.. การจัดไฟ Lighting ยังส่งผลอย่างมากต่ออารมณ์อีกด้วย โดยหลักการแล้วคือการจับคู่แสงกับอารมณ์เนื้อหา หรือสถานการณ์บนเวที เพื่อกระตุ้นอารมณ์ที่เหมาะสมให้กับผู้ชม ซึ่งอาจหมายถึงแสงที่นุ่มนวล และอบอุ่นสำหรับฉากที่มีความสุขในละคร หรือโทนสีเย็นที่สลัว ๆ สำหรับเพลงเศร้า ๆ ในคอนเสิร์ต ซึ่งสีมีความเกี่ยวข้องกับอารมณ์ที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่าง เช่น สีโทนเย็น มักเกี่ยวข้องกับความโศกเศร้า และสีโทนร้อน เกี่ยวข้องกับความรู้สึกที่รุนแรง เป็นต้น
ประเภทของไฟเวที
ไฟเวทีที่ใช้เป็นองค์ประกอบบนเวทีกันทั่วไป มีอยู่หลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทได้รับการออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ ดังนั้นบนเวทีใดเวทีหนึ่งจะไม่ได้มีอยู่แค่ไฟประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น ในหัวข้อนี้ผมได้รวบรวมประเภทของไฟเวทีที่พบกันได้บ่อย ๆ ดังนี้ครับ
Ellipsoidal
ไฟเวที Ellipsoidal หรือ “Reflector Spotlight ทรงรี” ให้ลำแสงที่เข้มข้น และชัดเจน นิยมใช้สำหรับเป็นไฟที่ให้แสงด้านหน้าของเวที เป็นไฟที่สามารถปรับโฟกัสของแสงไฟให้มีความนุ่มนวล หรือให้มีความคมมากขึ้นได้ อีกทั้งยังสามารถปรับรูปร่างของแสง เพื่อป้องกันไม่ให้แสงไหลผ่านเข้าสู่บริเวณที่ยังคงต้องการให้มืดได้ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างสีสันได้อีกด้วย
Followspot
Followspot เป็นไฟสปอตไลท์ประเภทหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นโฟกัสให้กับนักแสดง หรือนักดนตรีที่เคลื่อนไหวไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ของเวที ไฟประเภทนี้จำเป็นต้องมีการตอบสนอง ต่อผู้ที่ทำการแสดงอยู่ที่หน้าเวทีได้แบบเรียลไทม์ ดังนั้นไฟ Followspot จึงเป็นไฟที่ต้องควบคุมด้วยตนเอง นอกจากนี้ก็ยังสามารถปรับขนาด ระดับความเข้มข้นของแสง และปรับสีได้อย่างง่ายดาย ด้วย Built-in Panel ในตัว
Fresnel
Fresnel หรือมีอีกคำที่เรียกว่า “Wash Lights” เป็นไฟที่ตั้งชื่อตามนักประดิษฐ์ ที่ชื่อว่า “Augustin Fresnel” สิ่งที่ทำให้ไฟประเภทนี้มีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัว นั่นก็คือ เลนส์ที่ทำจะมีลักษณะเป็นวงแหวนที่มีจุดศูนย์กลาง และแสงไฟจะสว่างที่สุด ณ จุดศูนย์กลางของวงแหวน แต่จะมีความจางที่ขอบ เป็นไฟประเภทที่ให้แสงสว่างเฉพาะจุดแบบปรับโฟกัส และปรับลำแสงได้
Par
PAR หรือย่อมาจาก “Parabolic Aluminized Reflector” เป็นส่วนประกอบหลักในการให้แสงสว่างบนเวที โดยไฟ PAR เป็นโคมไฟลำแสงปิดผนึกในโลหะทรงกระบอก ไฟประเภทนี้จะคล้าย ๆ กับไฟหน้ารถ และมีการออกแบบที่เรียบง่าย คุณสามารถใช้ไฟ PAR เพื่อสร้างลำแสงในแนวนอน หรือแนวตั้งได้ โดยมาตรฐานแล้วมักจะสามารถใช้เจล หรือฟิลเตอร์สีเพื่อสร้างสีให้กับแสงไฟได้ แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงของลำแสงได้
Floodlight
เป็นโคมไฟที่ใช้ ชิป LED ในการส่องสว่าง ให้มุมการกระจายแสงที่กว้างกว่าโคมไฟทั่วไป ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะสับสนกับโคมไฟสปอตไลท์ ที่มีหน้าตาคล้าย ๆ กัน จึงทำให้หลายคนเข้าใจผิด เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างโคมไฟ Floodlight กับโคมไฟสปอตไลท์ นั่นก็คือ ไฟสปอตไลท์จะให้แสงสว่างเฉพาะจุด มีมุมกระจายของแสงไม่กว้างเท่า Floodlight ดังนั้นลำแสงของสปอตไลท์ จะเป็นแสงที่พุ่งตรงเพื่อใช้โฟกัสจุดใดจุดหนึ่งนั่นเอง
Cyclorama
ไฟเวที Cyclorama หรือย่อสั้น ๆ ว่า “Cyc” ส่วนใหญ่แล้วมักพบได้บนเวทีสำหรับการแสดงละครเวที เป็นไฟสำหรับส่องสว่างให้กับฉากหลัง หรือ Backdrop โดยไฟ Lighting ประเภทนี้นี้ จะให้คุณลักษณะของการกระจายแสงที่สม่ำเสมอ และมีมุมกระจายแสงที่กว้าง ซึ่งไฟ Lighting เภทนี้สามารถวางบนพื้น หรือแขวนไว้ใกล้กับฉากหลัง เพื่อให้สามารถครอบคลุมฉากหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Strip Light
Strip Light จะมีความคล้ายกับไฟ Cyc อยู่บ้างเล็กน้อย ตรงที่ประกอบไปด้วยโคมไฟหลายดวง เรียงกันเป็นแถวแนวนอน แต่ไฟ Strip Light จะมีความครอบคลุมของแสงมากกว่าไฟ Cyc ซึ่งไฟประเภทนี้ คือสิ่งที่ Lighting Designer หลายคนใช้ เพื่อเพิ่มความครอบคลุมของสีจำนวนมากให้กับเวที
ตำแหน่งการจัดไฟเวที
หลักการพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดแสงไฟบนเวทีประการหนึ่ง ที่ต้องทำความเข้าใจก็คือ “ตำแหน่งการจัดไฟ” ซึ่งตำแหน่งการจัดไฟบนเวที ที่ Lighting Designer คำนึงถึงในการออกแบบ มีดังต่อไปนี้ครับ
Front Light
Front Light หรือไฟด้านหน้า เป็นตำแหน่งสำคัญหลัก ๆ สำหรับการจัดไฟเวที เพราะเป็นตำแหน่งที่ให้ความส่องสว่างแก่ผู้ที่ทำการแสดง หรือผู้ที่บรรยายอยู่บนเวทีไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักดนตรี นักแสดง และพิธีกร เป็นต้น ทำให้ผู้ชมได้เห็น และเข้าใจองค์ประกอบต่าง ๆ รวมถึงเนื้อหาของการแสดงบนเวทีได้อย่างชัดเจน
Back Light
ตำแหน่งการจัดไฟ Back Light เป็นตำแหน่งที่ทำให้เวที และองค์ประกอบต่าง ๆ บนเวทีมีมิติมากขึ้น โดยที่ Back Light จะอยู่ด้านหลังของเวที หรือด้านหลังของนักแสดง ซึ่งสามารถจัดตำแหน่งไฟ Back Light ตามจุดต่าง ๆ ด้วยไฟ PAR ในแนวตั้งได้ เนื่องจากไฟ PAR สามารถติดตั้งได้ดีในตำแหน่งไฟ Back Light โดยเฉพาะ และสามารถปรับเปลี่ยนสี และความเข้มของแสงไฟได้
Down Light
อีกหนึ่งวิธีในการเพิ่มมิติให้กับเวที ก็คือการใช้ดาวน์ไลท์ โดยเป็นตำแหน่งที่วางอยู่บนพื้นเวที และส่องไฟขึ้นด้านบนเพดานเวที ซึ่งดาวน์ไลท์อาจมีความเข้มของแสงที่ต่างกันออกไปครับ
Side / High Side Light
Side Light เป็นไฟที่จัดวางในตำแหน่งด้านข้างของเวที เพื่อให้แสงสว่างจากด้านใดด้านหนึ่งแก่นักแสดง นักดนตรี และพิธีกร ในส่วน High Side ก็อยู่ในตำแหน่งด้านข้างเช่นกัน เพียงแต่จะจัดวางให้มีตำแหน่งที่สูงกว่า เป็นตำแหน่งที่ส่องไฟไปที่ศีรษะ และไหล่ของผู้ที่อยู่บนเวที ซึ่งการจัดวางแสงไฟในตำแหน่งเหล่านี้ มีความสำคัญต่อการให้ผู้ชมได้เห็นใบหน้าของผู้ที่อยู่บนเวทีได้อย่างชัดเจน
เทคนิคการใช้สีของแสงไฟ
ในเรื่องสีของแสงไฟ เป็นส่วนที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างบรรยากาศให้กับเวที และสื่ออารมณ์ต่าง ๆ ให้กับผู้ชม โดยเทคนิคหลัก ๆ ในการใช้สีของแสงไฟ มีดังต่อไปนี้ครับ
Monochromatic
เป็นเทคนิคการเลือกใช้สีต่าง ๆ ที่อยู่ในเฉดสีเดียวกันตาม Color Wheel หรือเรียกว่า “สีเอกรงค์” ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีหากต้องการจัดแสงไฟ Lighting ให้มีความเรียบง่าย หรือเน้นสีเดียวครับ
Complementary
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ใช้สีคู่ตรงข้ามกันตาม Color Wheel หรือสีที่ตัดกันอย่างรุนแรง เพื่อลดความสดของแต่ละสี อาจจะใช้เป็นวิธีการตัดกัน เช่น ใช้สีที่หนึ่งเป็นสีหลัก เป็นสีที่มีพื้นที่มากกว่า และใช้สีที่สอง (สีตรงข้าม) ซึ่งใช้พื้นที่สีน้อยกว่าในการตัด หรืออาจจะใช้เป็นวิธีนำทั้งสองสีมาผสมกันก็ได้ ยกตัวอย่าง เช่น แดงกับเขียว , ม่วงกับเหลือง , น้ำเงินกับส้ม เป็นต้น
Triads
เทคนิค Triads Color เป็นการใช้คู่สี 3 เฉด ที่เป็นคู่สีแยกตรงข้ามตาม Color Wheel ที่แยกเป็นทางซ้าย และขวาในลักษณะรูปสามเหลี่ยม ยกตัวอย่าง เช่น แดง/เหลือง/น้ำเงิน หรือ เขียว/ส้ม/ม่วง เป็นต้น เพื่อเพิ่มความหลากหลายในโทนสีของเวทีนั่นเองครับ
Adjacent (Analogous)
เป็นเทคนิคที่ใช้สีที่อยู่ข้างเคียงกันทั้งซ้าย และขวาตาม Color Wheel เป็นสีที่มีความคล้ายคลึงกัน เพื่อสร้างความกลมกลืนกัน และลดความขัดแย้งของสี ยกตัวอย่าง เช่น แดง/ส้มแดง/ส้ม หรือ ส้มเหลือง/เหลือง/เขียวเหลือง เป็นต้น
Cool / Warm
เป็นเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอุณหภูมิของสี และเป็นเทคนิคที่สามารถสร้างบรรยากาศได้อีกด้วย Cool Color หรือสีโทนเย็น ประกอบไปด้วย 3 เฉดหลัก ๆ นั่นก็คือ สีเขียว สีน้ำเงิน และสีม่วง เป็นโทนสีที่ให้ความรู้สึกสุภาพ สงบ ลึกลับ เยือกเย็น ในทางจิตวิทยาสีโทนเย็นมีความสัมพันธ์กับความรู้สึกหดหู่ และเศร้าครับ ในส่วนของ Warm Color หรือสีโทนร้อน บางคนก็เรียกว่าสีโทนอุ่น ประกอบไปด้วย 3 เฉดหลัก ๆ เช่นกัน นั่นก็คือ สีแดง สีส้ม และสีเหลือง เป็นโทนสีที่ให้ความรู้สึกตื่นตา มีพลัง อบอุ่น สนุกสนาน และดึงดูดความสนใจได้ดีครับ
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
สีของแสงไฟ Lighting บนเวที เป็นสิ่งที่สามารถสื่อ และกระตุ้นอารมณ์บางอย่าง หรือส่งผลต่อความรู้สึกโดยรวมต่อฉาก และการแสดงได้ แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เพราะนอกจากนี้ โทนของสียังเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นสัญลักษณ์ ความเชื่อมโยงกันกับธีมหลักของการแสดง และเวทีได้อีกด้วยครับ
คำศัพท์ ! ที่ควรรู้ เกี่ยวกับแสงไฟ
Wash
Wash ในภาษาไทยที่แปลว่า “ล้าง” เป็นศัพท์ที่ใช้เรียกไฟที่มีลักษณะของลำแสงที่กว้าง ครอบคลุมได้อย่างสม่ำเสมอทั้งเวทีนั่นเองครับ
Intensity
Intensity หรือ “ความเข้ม” คือศัพท์ที่ Lighting Designer ใช้เพื่ออธิบายระดับความสว่างของแสงไฟเวที
Diffusion
Diffusion ในภาษาไทยแปลว่า “การกระจาย” หมายถึง การที่แสงสะท้อน หรือกระทบกับตัวกลางที่มีพื้นผิวไม่เรียบ และกระจายทิศทางการสะท้อน หรือการนำแสงโดยไม่อิงกับแนวฉาก ทำให้วัตถุที่สะท้อนมีความสว่าง
Add a Comment